(วันที่ 21 มีนาคม 2565) ที่บริเวณทุ่งนาหมู่ที่ 8 บ้านน้ำโท้ง ตำบลท่าขุนราม อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ผู้สื่อข่าวพบกับนายเปลี่ยน ปัญญาวงศ์ อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90 หมู่ที่ 8 บ้านน้ำโท้ง ตำบลท่าขุนราม อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร เกษตรกรซึ่งกำลังขะมักเขม้นกับการขุดคันนาเพื่อเตรียมความพร้อมในการหว่านข้าว หลังจากที่ได้มีการไถนาไปเป็นที่เรียบร้อย นายเปลี่ยน กล่าวว่า ตนทำนาบนที่ดินของตนเองจำนวน 13 ไร่ โดยจะทำปีละ 2 ครั้งเท่านั้น ในครั้งนี้กำลังจะทำนาปรัง ข้าวที่จะหว่านเป็นข้าวขาวพันธุ์ 47 ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
สำหรับที่นาของตนบริเวณนี้สามารถทำนาได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากมีน้ำที่ปล่อยมาจากฝ่ายท่ากระดาน ผ่านเหมืองลอยในพื้นที่ของชาวบ้าน เพื่อไปลงยังคลองสาขาให้เกษตรกรได้มีน้ำใช้ปลูกพืช สำหรับสภาวะน้ำหรือภัยแล้งในละแวกนี้ ถือว่าไม่หน้าเป็นห่วง ทุกปีน้ำในเหมืองลอยที่ผ่านบริเวณที่นาของตนในช่วงเวลาเดียวกันนี้จะแห้งไปแล้ว แต่ในปีนี้ยังคงมีน้ำไหลมาอย่างต่อเนื่องตลอดปี ตนจึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องขาดแคลนน้ำทำการเกษตร
แต่ที่น่าเป็นห่วงคือภาระต้นทุนที่เกษตรกรต้องแบกรับ ไม่ว่าจะเป็น ค่าจ้างไถ หว่าน ค่าปุ๋ย ค่าฮอร์โมน ทุกอย่างต่างก็มีราคาแพงขึ้น ทำให้ชาวนาต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในขณะที่ราคาข้าวไม่ได้สูงขึ้นตามสินค้าชนิดอื่น เมื่อขายข้าวหักทุนแล้วก็เหลือกำไรเพียงเล็กน้อย แต่หากมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้น ผลผลิตก็จะเสียหายได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เรียกได้ว่าขาดทุนร้อยเปอร์เซ็นต์ หากเกษตรกรคนไหนที่ไม่ได้มีที่นาเป็นของตนเองก็ต้องเช่าที่ทำนา ซึ่งนอกจากจะไม่ได้กำไรแล้วยังต้องเป็นหนี้เพราะเงินไม่พอจ่ายค่าเช่าที่นาอีกด้วย จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาทางออกในการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตร ให้เกษตรกรสามารถอยู่ได้ มีรายได้เพื่อการดำรงชีพต่อไป