กรรมการกองทุนหมู่บ้าน  ร่ำไห้ หลังถูกธนาคารฟ้องบังคับคดียึดทรัพย์สิน เหตุเพราะประธานกองทุนหมู่บ้านเอาหนี้เงินกู้กองทุนที่กรรมการนำส่งกว่า 8 แสนบาท ไปใช้ส่วนตัว แต่ไม่ส่งคืนธนาคาร
ข่าวสังคม

กรรมการกองทุนหมู่บ้าน ร่ำไห้ หลังถูกธนาคารฟ้องบังคับคดียึดทรัพย์สิน เหตุเพราะประธานกองทุนหมู่บ้านเอาหนี้เงินกู้กองทุนที่กรรมการนำส่งกว่า 8 แสนบาท ไปใช้ส่วนตัว แต่ไม่ส่งคืนธนาคาร

วันที่ 5 มีนาคม 2564 ที่บ้านเลขที่ 37/1 ม.2 บ้านคลองกลาง ต.ห้วยยั้ง อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร  บริเวณหน้าบ้านพบกลุ่มชาวบ้านกว่า 10 คนกำลังวิพากษ์วิจารณ์ ถึงกรณีที่มีคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านคลองกลางจำนวน 15 คนเป็นตัวแทนกู้ยืมเงินจากธนาคารออมสินจำนวนเงินกว่า 8 แสนบาท เพื่อนำมาให้สมาชิกกองทุนฯกู้ยืมในโครงการ”เงินกู้ปลอดดอกเบี้ย”ของหมู่บ้านคลองกลาง  ซึ่งมีสมาชิกกองทุนกู้รายละ15,000 บาท และจะต้องชำระคืนให้แก่ธนาคารออมสินเป็นรายปีๆละ 5,000 เป็นจำนวน 3 ปี โดยมีผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งทำหน้าที่ประธานเงินกองทุนดังกล่าวเป็นผู้รวบรวมนำส่งชำระให้กับทางธนาคารเป็นเงินกว่า 2 แสนบาทในแต่ละปี นับตั้งแต่แรกเริ่มทำสัญญาเมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2558 นั้น 

ในปีถัดมาสมาชิกได้ชำระหนี้ให้แก่ธนาคารออมสินตามปกติ โดยชำระผ่านมายัง ประธานกองทุนฯ คนละ 5,000 บาทเช่นเดิม กระทั่งเมื่อวันที่ 8 เม.ย.2563  คณะกรรมการกองทุนดังกล่าวทั้ง 15 คน ได้รับหมายศาลกรณีให้ชำระเงินเป็นจำนวน 801,269 บาทให้แก่ธนาคารออมสิน ท่ามกลางความตกใจ และสงสัยว่าทำไมเงินที่สมาชิกนำไปให้กับทางประธานกองทุนซึ่งรับผิดชอบนำส่งธนาคารเรียบร้อยแล้ว จึงมีหมายศาลส่งมาถึงคณะกรรมการกองทุน เมื่อไปสอบถามประธานกองทุนฯ ให้คำตอบเพียงแค่ว่าไม่ต้องกลัวอะไร เพราะตนเป็นประธานกองทุนตนต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว จากนั้นต่อมาได้มีหนังสือจากสำนักงานบังคับคดีเรื่องการยึดทรัพย์ ลงวันที่ 10 ก.พ.2564 ถึงนางชุติมา อินกรัด อายุ 53 ปี บ้านเลขที่  8/2 ม.2 ต.ห้วยยั้ง อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร โดยระบุว่าได้ยึดทรัพย์ไว้แล้วคือที่ดินโฉนด พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และอีกหนึ่งคนคือนางบังอร  มาน้อย อายุ58 ปีบ้านเลขที่ 37/1 ม.2 ต.ห้วยยั้ง อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร โดยทั้ง 2 เป็นคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านคลองกลาง ส่วนคณะกรรมการอีก13 คนจากการสอบถามชาวบ้านพบทุกคนมีหนี้ผูกพันกับทางธนาคารดังกล่าวอยู่แล้วจึงไม่ได้รับหนังสือแจ้งแต่อย่างใด

     
มาวันนี้ทางคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านคลองกลาง จึงขอเรียกร้องให้ ประธานเงินกองทุนฯรับผิดชอบ นำเงินที่คณะกรรมการหมู่บ้านได้ร่วมกู้ยืมมาจากธนาคารออมสิน มายังกองทุนหมู่บ้าน ไปชำระให้เรียบร้อย โดยภายหลังทราบว่าตลอดเวลาที่คณะกรรมการกองทุนฯ นำเงินมาให้ ประธานกองทุนฯ นำไปจ่ายที่ธนาคารในทุกๆครั้งที่ผ่านมา ทางประธานกองทุนฯไม่ได้นำเงินดังกล่าวไปชำระหนี้แต่อย่างใด ส่งผลให้มีหมายศาล และหมายบังคับคดีมายึดบ้านพร้อมสิ่งปลูกสร้างของ นางบังอร มาน้อยบ้านเลขที่ 37/1 ม.2 ต.ห้วยยั้ง อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร พร้อมทั้งนางชุติมา อินกรัด  บ้านเลขที่ 8/2 ม.2 ต.ห้วยยั้ง อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร พร้อมกันนี้ชาวบ้านยังเปิดเผยอีกว่า ศาลได้บังคับคดีมาทางประธานกองทุนฯ ให้ไปไกล่เกลี่ย ก็ไม่ไปไกล่เกลี่ย จนมีหนังสือจากสำนักงานบังคับคดี มายึดทรัพย์ ทำให้เจ้าของบ้านมีความทุกข์ใจมาก กลัวจะโดนยึดบ้าน และที่ดินที่มีอยู่ประกาศขายทอดตลาดตามขั้นตอนของสำนักงานบังคับคดี 


       
นางชุติมา อินกรัด อายุ 53 ปี หนึ่งในคณะกรรมการกองทุนบ้านคลองกลาง ที่ถูกบังคับคดียึดทรัพย์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า”ตนไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อนจู่ๆก็ได้รับหมายยึดทรัพย์มาจากสำนักงานบังคับคดีแจ้งว่าตนโดนยึดบ้านแล้ว โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่าตนเป็นกรรมการกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งตนรู้สึกตกใจมากเพราะตนไม่เคยนำบ้าน และที่ดินไปจำนองกับใครทำไมจึงต้องถูกยึดบ้าน ในภายหลังตนจึงทราบว่าเรื่องนี้มาจากการทีตนเองเข้าเป็นคณะกรรมการกองทุนบ้านคลองกลาง ซึ่งมีโครงการเงินกู้ให้กับสมาชิกเรียกว่า”เงินกู้ปลอดดอกเบี้ย”โดยให้สมาชิกกู้ได้คนละ 15,000 บาท(หนึ่งหมื่นห้าพันบาท) ตนเครียดมากเมื่อรู้ว่าบ้านกำลังจะถูกยึด ซึ่งมูลค่าที่ทางธนาคาร และบังคับคดีแจ้งมาตนต้องชดใช้หนี้จำนวนกว่า 4 แสนบาท โดยที่ตนเองไม่รู้เรื่องเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา เพราะทุกครั้งที่ไปส่งเงินให้ทางผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นประธานกองทุนเขาก็มีใบเสร็จออกมาให้ทุกครั้ง แต่เขาจะนำไปส่งชำระให้กับธนาคารหรือไม่นั้นพวกตนไม่ทราบเลย พอมีหมายศาลมาตนก็เอาไปให้ทางผู้ใหญ่บ้านดูก็พูดแต่เพียงว่าจะไม่ทำให้ทุกคนเดือดร้อน จนมาถึงทุกวันนี้ตนโดนยึดบ้าน ยึดททรัพย์สิน โดยมีมูลค่าหนี้ที่แจ้งมาเป็นจำนวนเงินกว่า 4 แสนบาท ทุกวันก็เครียดกับเรื่องหลายๆเรื่องอยู่แล้ว แต่กลับมาเครียดหนักกับเรื่องจะถูกยึดบ้านอีก จากนั้นนางชุติมา ถึงกับร้องไห้ปล่อยโฮออกมา ท่ามกลางกลุ่มชาวบ้านที่เดินทางมาให้กำลังลังใจหลายคน
     
ส่วนทางด้าน นางบังอร มาน้อย อายุ 58 ปี ซึ่งเป็นอีกคนที่มีชะตากรรมเดียวกับกันนางชุติมา กล่าวเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวด้วยใบหน้าเคร่งเครียด และมีน้ำตาไหลออกมาตลอดเวลาว่า”ตนเป็นกรรมการกองทุนนี้เช่นเดียวกันเรื่องเงินดังกล่าวนั้น ตนยืนยันว่าคณะกรรมการได้ส่งไปให้ประธานกองทุนคือนายสุเทพ  โพธิบัลลังค์  ผู้ใหญ่บ้านรียบร้อยแล้ว ต่อมามีหมายจากศาลจังหวัดกำแพงเพชรมาถึงในกรณีเรื่องของเงินที่กู้ยืมมาจากทางธนาคารออมสิน ตนจึงนำหนังสือดังกล่าวไปให้ทางผู้ใหญ่บ้านดูก็ได้คำตอบมาเช่นเดียวกันกับนางชุติมา คือจะไม่ทำให้เดือดร้อน โดยจะทำหนังสือออกมาจากธนาคารโดยจะรับรองเซ็นต์ใช้หนี้ให้ ตนนำหนังสือสำคัญมาหาหลายครั้งก็พูดแบบเดิมจนกระทั่งมีหมายบังคับคดีจากสำนักงานบังคับคดีจังหวัดกำแพงเพชร มาคราวนี้ตนโดนยึดทรัพย์สินแล้วตนรู้สึกเสียใจมากไม่ทราบว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นกับตัวเอง เราไว้ใจเขามาโดยตลอดเพราะเห็นว่าเป็นผู้นำชุมชน และเป็นประธานกองทุนนี้ด้วยอยากวิงวอนให้ใครก็ได้มาช่วยหน่อย
   
ในเวลาต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านประธานกองทุนฯ  เพื่อสอบถามในเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่ไม่พบตัวแต่ประธานกองทุนฯอย่างใด ทราบจากคนที่อยู่ในบ้านเพียงว่าประธานกองทุนออกไปข้างนอกจะกลับมาคงช่วงค่ำๆ จึงยังไม่สามารถทราบรายละเอียดหรือข้อเท็จจริงจากอีกฝั่ง ว่าเป็นไปตามที่มีผู้กล่าวอ้างมาหรือไม่อย่างไร

แชร์หน้านี้